รีวิวหนัง Homestay

จะเห็นได้ว่าช่วงครึ่งปีหลังมานี้วงการภาพยนตร์ในบ้านเรามักจะมีเรื่องเซอร์ไพรส์กันตลอด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเทคนิคงานสร้างของภาพยนตร์ไทยที่มีการพัฒนาไปไกลกว่าเดิม รวมไปถึงการได้มีภาพยนตร์เรื่องใหม่ๆ ที่ฉีกแนวออกไปหลายรสชาติเป็นกำไรให้คนไทยได้ชมภาพยนตร์ที่มีความหลากหลาย เช่นเดียวกันกับ Homestay ที่เป็นหนึ่งในนั้น จากฝีมือการกำกับของ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ผู้กำกับมากฝีมือจากค่าย GDH ที่นำทีมนักแสดงที่มีฝีมือน่าจับตามองมาร่วมถ่ายถอดเรื่องราวในภาพยนตร์ นำโดย เจมส์ ธีรดนย์, เฌอปราง อารีย์กุล, สูขวัญ บูลกุล, เบส ณัฐสิทธิ์ ฯลฯ รีวิวหนังไทย 

Homestay ว่าด้วยเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนได้รับรางวัลให้กลับมาเกิดอีกครั้ง ในร่างของเด็ก ม.ปลายที่ชื่อ มิน ที่นอนนิ่งอยู่ในตู้เก็บศพของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง การได้มาอยู่ในร่างใหม่ก็ไม่ต่างอะไรกับการอยู่โฮมสเตย์ คืออยู่ได้แค่ชั่วคราว แถมยังไม่ได้อยู่ฟรีๆ เพราะเขาต้องหาคำตอบให้ได้ภายใน 100 วัน ว่า “มินตายเพราะใคร” ถ้าตอบไม่ได้ เขาจะต้องตายและจากร่างโฮมสเตย์นี้ไปตลอดกาล

การได้เข้ามาอยู่ร่างนี้ทำให้เขาได้มีครอบครัวใหม่ เพื่อนใหม่ และมีความรักครั้งใหม่ เมื่อได้รู้จักกับ พาย พี่รหัสของมิน ผู้หญิงที่ทำให้เขาอยากอยู่ในร่างโฮมสเตย์นี้ตลอดไป แต่เวลา ชีวิต และความรัก เป็นเหมือนรางวัลที่สวรรค์ให้เขามาแค่ชั่วคราว เขาจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อตอบคำถามผู้คุมให้ได้ว่า “มินตายเพราะใคร” ก่อนที่เวลาชีวิตในร่างโฮมสเตย์ของเขาจะหมดลง

เมื่อได้ทราบข่าวว่าจะมีภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาให้แฟนๆ ได้ดูกัน แค่ได้ยินรายชื่อนักแสดงและผู้กำกับแล้วก็เชื่อว่าหลายคนต้องตัดสินใจไปดูกันแน่ๆ และปฏิเสธไม่ได้ว่าแค่ชื่อของค่ายก็ทำให้คนอยากไดูแล้ว และเมื่อได้เห็นตัวอย่างที่ถูกปล่อยมาออกเราก็ได้เห็นเรื่องราวต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในเรื่องอย่างคร่าวๆ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมเยาวชนชื่อดังของ Eto Mori นักเขียนชาวญี่ปุ่น และถูกสร้างเป็นแอนิเมชั่นมาก่อนแล้ว

โดยส่วนตัวได้มีโอกาสชมเวอร์ชั่นที่เป็นแอนิเมชั่นมาแล้ว และคิดว่าผู้กำกับค่อนข้างเคารพต้นฉบับอยู่มาก คาแรคเตอร์ของตัวละครส่วนใหญ่ยังคงมีความคล้ายคลึงกัน แต่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนตัวละครและอะไรบางเรื่องให้เข้ากับสังคมของคนไทย ซึ่งก็ถือว่าทำ Homestay เวอร์ชั่นนี้ออกมาได้ดี แน่นอนว่ามากไปกว่าเรื่องราวแฟนตาซีการมาเกิดใหม่หนังได้สะท้อนเรื่องราวชีวิตของวัยรุ่นออกมาครบทุกรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว เพื่อน โรงเรียน และความรัก อันเป็นความสามัญธรรมดาที่หลายๆ คนได้พบเจอ แต่เมื่อเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ได้อยู่บนจอภาพยนตร์ ทำให้เราได้พบแง่มุมที่ต่างออกไป ซึ่งสามารถเรียนรู้และนำมาปรับใช้ได้

เชื่อว่าหลายคนคงเดาออกมาเรื่องราวจะจบลงอย่างไร ซึ่งก็กลายเป็นสูตรสำเร็จของค่ายนี้ไปแล้ว แต่เชื่อเหลือเกินว่าใครที่ได้ชมภาพยนตร์น่าจะเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าการแสดงของ เจมส์ ธีรดนย์ ผู้ฉายแววการแสดงตั้งผลงานเรื่องแรก จนมาถึงเรื่องนี้ที่เขารับบทนำเป็นพระเอกครั้งแรก (บนจอเงิน) ผู้แบกรับทุกอย่างของหนังเอาไว้นั้นไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นฉากแอคชั่น ดรามา รวมไปถึงความโรแมนติกที่ถูกถ่ายทอดออกมา บอกได้เลยว่ามีเสน่ห์เป็นอย่างมาก เชื่อว่า เจมส์ ต้องได้รับรางวัลทางการแสดงจากเวทีใดเวทีหนึ่งมาครอบครองอย่างแน่นอน

ไม่ใช่แค่นักแสดงนำที่ถ่ายทอดบทบาทของตัวละครออกมาได้ดีเท่านั้น นักแสดงสมทบก็ทำออกมาได้ดีไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นบทแม่ของ สู่ขวัญ บูลกุล ที่เชื่อเหลือเกินว่าใครที่ได้เห็นฉากของคู่แม่ลูกเป็นต้องเสียน้ำตาแน่นอน ในส่วนบทบาทของนักแสดงหน้าใหม่ เฌอปราง อารีย์กุล นั้นก็ถือว่าทำออกมาได้ดีในฐานะนักแสดงใหม่ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าบทบาท พาย ในเรื่องนั้นค่อนข้างมีความทับซ้อนกับชีวิตจริงของเธอค่อนข้างมาก (เว้นเสียแต่เรื่องการถูกล่วงละเมิดทางเพศ) จึงทำให้ไม่ค่อยอินกับบทบาทของเธอนัก และอีกบทบาทหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ ลี้ เพื่อนของพระเอกที่ถูกยกระดับความสำคัญน้อยไปหน่อย แต่ก็ถือได้ว่าสำคัญไม่แพ้คนอื่นๆ เลยทีเดียว

ไม่ทราบว่าอาจจะด้วยความเคารพต้นฉบับมากเกินไปหรืออะไรก็ตามแต่ จึงทำให้เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นในภาพยนตร์นั้นไปไม่สุดเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความลึกลับที่ทำออกได้ดีแค่ในช่วงแรก ส่วนความเป็นแฟนตาซีที่ใส่เทคนิคพิเศษหรือที่เรียกว่า ซีจี นั้นก็ไม่ได้มีมากมายเหมือนอย่างที่ทีมผู้สร้างบอก ถ้าเอาตรงๆ ก็คือไม่มีซีจีก็ยังได้เลย อีกทั้งเรื่องราวความดรามาหากขยี้ให้มันมีความมืดหม่นกว่านี้น่าจะดีไม่น้อย เพราะโดยภาพรวมของเรื่องนั้นออกจะสดใสมากไปหน่อย อย่างไรก็ดีคอหนังก็ควรไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง

Comments

Popular posts from this blog

รีวิวหนัง : เพื่อนฉัน ฝันสลาย Sad Beauty

รีวิวหนัง : ป๊าด 888 แรงทะลุนรก