รีวิวหนัง น้ำตาลแดง

เกริ่นชื่อมายาวยืดซะขนาดนั้น เป็นเพราะผู้เขียนก็ยังไม่ค่อยเข้าอกเข้าใจกับหนังในแนวอีโรติก และยิ่งเมื่อผสมกับคำว่า อาร์ท เข้าไปอีก ก็ยิ่งทำให้ผู้เขียนรู้สึกมึน ๆ กับสิ่งที่ได้ดูจนจบไป กับ 3 ตอนแรกของโปรเจคต์หนัง “น้ำตาลแดง” รีวิวหนังไทย 

คำว่า อีโรติก คือ อะไร? ก่อนอื่นเราคงต้องมาดูคำจำกัดความของคำว่า อีโรติก เพื่อเสริมความเข้าใจในการชมภาพยนตร์เรื่อง “น้ำตาลแดง” กันก่อน

อีโรติก ( Erotic ) คือ เรื่องที่เกี่ยวกับ การเร่งเร้า แรงปรารถนา ความหลงใหล ใคร่รัก ภาษาอังกฤษเรียกว่า sexual love and desire? รากศัพท์เดิมของ อีโรติก มาจากคำว่า eros ซึ่งดั้งเดิมมี ความหมายในทางบวก หมายถึง เทพอีรอส ที่งามพร้อม แต่ต่อมาเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นชั่วร้ายจนกลายเป็น ปีศาจ

ปัจจุบันเรามักจะพูดถึง อีโรติก ในแง่การแสดงออกถึง ความปรารถนาทางเพศ ที่แสดงออกทาง ศิลปะ บทกวี ความรัก เรื่องลึกลับ และ จิตวิญญาณ คำว่า อีโรติก จึงไม่ได้หมายถึง เรื่องที่ โป๊ๆ เปลือยๆ หรือ เรื่องลามก เพียงอย่างเดียว เพราะตามชั้นเชิงแล้วจะมีคำว่า “รัก” ปนอยู่ด้วย

ซึ่งจากความหมายข้างต้นก็ทำให้เราเข้าใจได้ว่า อีโรติก คือ ความปรารถนา ที่แสดงออกทางศิลปะ แล้วเมื่อเติมคำว่า “อาร์ท” ซึ่งแปลว่าศิลปะเข้าไปอีก กลายเป็นเบิ้ลคำว่า ศิลปะ 2 เด้งเลย งานนี้คงต้องบอกว่าเป็นหนังแรงปรารถนาแบบอาร์ทอาร์ท หรือว่าจะเป็น อาร์ทตัวแม่ (ขอยืมมาจากพี่โน้ส อุดม)? กันละเนี่ย ?

และเมื่อได้เข้าไปชมภาพยนตร์แบบเต็มๆในโรงภาพยนตร์ สำหรับโปรเจคต์ “น้ำตาลแดง” 3 เรื่องแรก คือ โสบนเตียง, รักต้องลุ้น และ ปรารถนา น่าจะพูดได้ว่า ปรารถนา เป็นชื่อเรื่องที่ตรงที่สุดสำหรับภาพยนตร์แนวอีโรติก อาร์ท (ตัวแม่) ที่สุด รวมไปถึงภาพในเรื่องนี้ ที่ถ่ายทอดออกมาในโทนอบอุ่น ทำให้โทนหนังน่าดู ซึ่งคงต้องยกความดีความชอบให้กับคนจัดแสง และถ่ายภาพในตอน ปรารถนา นี้

น้ำตาลแดง1 นี้เริ่มต้นด้วยการเปิดตัว “โอเด็ต” ที่กำลังผิดหวังกับความไม่รู้จักพอในเรื่องกามาของสามี จึงเดินทางมายังรีสอร์ทแห่งหนึ่ง เพื่อหลบหนีจากสามี และได้มาพบกับ “เต้-ปิติศักดิ์” ที่รับบทบาทเป็นนายช่างประจำรีสอร์ทแห่งนั้น ซึ่งการดำเนินเรื่องราวในส่วนนี้ เป็นเสมือน “อินโทร” หรือ “คำนำ” ก่อนที่จะให้เราไปพบกับ 3 เรื่องหลักของโปรเจคต์น้ำตาลแดง1 ในส่วนเกริ่นเรื่องนี้คงต้องบอกว่า นำ “โอเด็ต” มาแสดงในแบบที่ไม่เกิดประโยชน์เท่าไหร่ ไม่ค่อยมีเหตุมีผลเท่าที่ควร เพราะเราไม่คิดว่าผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อเจอผู้ชายคนหนึ่ง เพียงชั่วเวลานิดเดียว ด้วยความที่เป็นคนแปลกหน้าระหว่างกัน ไม่น่าจะถึงขั้นยอมที่จะถอดผ้าให้คนนอกได้เห็นขนาดนั้น รวมไปถึงไม่น่าจะมีผู้ชายคนไหนที่เมื่อได้เห็นผู้หญิงให้ท่าขนาดนั้น ได้เห็นสรีระขนาดนี้ จะอดทนพอที่อธิบายให้ผู้หญิงคนนั้นไตร่ตรองถึงเหตุผลที่ชัดเจนในตัวเองได้มากขนาดที่ตัวหนังถ่ายทอดออกมา แต่ตัวหนังตอนนี้ ก็ไม่ได้เฉลย หรือบอกว่าคนทั้งสองมีอะไรกันหรือไม่ อย่างไร เพื่อให้คนดูได้มีโอกาสขบคิด ก่อนที่จะเข้าไปสู่เนื้อหาหลัก 3 เรื่องต่อจากนี้

โสบนเตียง คือ การนำเสนอภาพความหวือหวา ร้อนแรงสะท้อนภาพชนชั้นกลางวัยทำงานในสังคมใหญ่กับเรื่องเซ็กส์ โดยตีแผ่รสนิยมเรื่องเซ็กส์ที่เต็มไปด้วยแฟนตาซี และโลดโผนของหนุ่มลุคส์เสี่ย กับสาวมั่นสุดเฉี่ยวไฟแรงสูง ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลา? 1วัน 1 คืนโดยไม่เกี่ยงสถานที่และเวลา เมื่อทุกห้วงนาทีที่เกิดขึ้นคือการเติมเต็มรสชาติและสีสันของสิ่งที่เรียก ว่า “เซ็กส์แห่งชีวิต” โดยไม่แคร์ต่อเสียงสะท้อนของสังคมรอบตัว ว่ากันว่าเป็นการนำเสนอแง่มุมแฟนตาซีทางด้านเซ็กส์ที่ผู้ชายส่วนใหญ่เฝ้าฝันถึง แต่แท้จริงแล้วในสังคมที่ทุกอย่างเท่าเทียมกัน ฝ่ายหญิงก็มีโอกาสที่จะแสดงออกถึงมุมมองความคิด ความต้องการ รวมไปถึงรสนิยมทางเพศได้ทัดเทียมผู้ชายไม่ว่าจะอยู่สถานะใดของสังคม

ในส่วนนี้ นักแสดงนำ ทั้ง เดอะปั๋ง และ สาวครี ต่างก็ทำหน้าที่การแสดงของตัวเองในบทบาท อีโรติก หรือ แรงปรารถนา เย้ายวน ในคาวโลกีย์ ได้สมบทบาท ซึ่งในส่วนนี้เข้าใจว่าผู้กำกับต้องการสะท้อนให้เห็นถึงสภาพที่แท้จริงของชีวิตคู่ ว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไป สิ่งที่ผู้หญิงจะต้องทำ นอกจากทำหน้าที่แม่บ้านที่ดีแล้ว ยังจำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญเรื่องบนเตียงให้ดีอีกด้วย

การดำเนินเรื่องราวในพาร์ท โสบนเตียง ดูสมจริง? มีจุดพลิกผันในตอนจบ ซึ่งสามารถดร็อปความรู้สึกของคนดูได้ ทำให้การดูในส่วนนี้ ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่อง ร้ายแรง หรือผิดจารีตแต่อย่างใด? และที่สำคัญในเรื่องนี้มีคำพูดติดปากที่ได้ยินเข้าหูบ่อยๆ คือ “พี่ไม่คิดเปลี่ยนสีเปลี่ยนกลิ่นบ้างเหรอ?” ซึ่งเป็นคำพูดที่ดูแล้ว ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายกำชัยชนะอยู่ในมือ คุณเธอดูมีความมั่นใจมากว่า สามารถเอาผู้ชายคนนี้ได้อยู่หมัดอย่างแน่นอน

รักต้องลุ้น หยิบเอาประเด็นเรื่องเซ็กส์กับวัยรุ่นวัยหนุ่มสาว ความอยากลุ้น อยากลอง อยากรู้ อยากเห็น เมื่อหญิงสาวต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง และเอ่ยปากชักชวนให้เด็กหนุ่มเพื่อนสนิท อยู่เป็นเพื่อนกันในค่ำคืนหนึ่ง จากบทสนทนาที่สะท้อนถึงมุมมองและทัศนคติความสนใจใคร่รู้ที่บ่งบอกถึงสรีระ และเรือนร่างของกันและกัน จนเริ่มมีการสัมผัสถูกเนื้อต้องตัว กระทั่งหญิงสาวเริ่มต้นท้าทายเสนอให้ชายหนุ่มร่วมเล่นเกมส์ทายใจที่ใครแพ้ ต้องสลัดอาภรณ์ที่อยู่บนเรือนร่างทีละชิ้น ทีละชิ้น อันนำไปสู่จุดเริ่มต้นของการตัดสินใจที่จะมีเซ็กส์กันของวัยรุ่น 2 คน(หรือไม่) ถึงแม้ปลายทางของสวรรค์จะอยู่ไม่ไกลอย่างที่ใครหลายคนคาดคิด แต่เชื่อเถอะว่า บทสรุปของเกมส์ครั้งนี้อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่พวกคุณคิดก็เป็นได้?.? ภาพยนตร์อีโรติกที่มาพร้อมกับการตั้งคำถามถึงความเหมาะสม ขอบเขตของศีลธรรมและความต้องการของวัยรุ่นที่มักคิดว่าผู้ใหญ่ไม่เคยเข้าใจ

ในพาร์ทนี้ การแสดงของทั้งสองคน ซึ่งเป็นนักแสดงหน้าใหม่ทั้งคู่ ดูเป็นธรรมชาติ คนดูดูแล้วรู้สึกว่าทั้งสองคนอยู่ในช่วงวัยกำลังค้นหาตัวเอง และอยากรู้ และยิ่งประกอบกับบทพูดของตัวละครโดยเฉพาะตัวละครชาย ทำให้เรื่องราวของเซ็กส์ในส่วนนี้ดูไม่รุนแรงอย่างที่ควรเป็น ในพาร์ทนี้มีทั้งส่วนที่ดูแล้วฮา ดูแล้วหลุด ดูแล้วเหวอ? อาจเป็นเพราะกลวิธีการนำเสนอที่เหมือนจะเป็นหนังซ้อนหนังก็เป็นได้ ที่ทำให้อารมณ์ในการดูพาร์ทนี้ดูสะดุด ไม่ได้คำตอบที่คนดูต้องการ

ในพาร์ทนี้ คำโปรโมทที่ได้ยินจากตัวอย่าง หรือ โฆษณา ก็คือ ฝ่ายชายพูด “ขอจับนมหน่อย” ซึ่งเป็นการปล่อยให้คนดูคล้อยตาม และได้คิดว่า ฝ่ายหญิงจะยอมหรือ เพราะด้วยความที่เป็นคนไทย มีจารีตรองรับว่าการปล่อยเนื้อปล่อยตัวดูจะไม่ใช่วิสัย งานนี้คงต้องให้ไปหาคำตอบกันในตัวหนัง

และ ปรารถนา ซึ่งเป็นพาร์ทที่ชื่อเรื่องตรงกับแนวหนังมากที่สุด และเป็นตอนที่ดูแล้วอาร์ทตัวแม่ที่สุดเช่นกัน? ปรารถนา เป็นการถ่ายทอดมุมมองของความอีโรติกผ่านมุมมองของผู้กำกับหญิงเพียงหนึ่งเดียวของโปรเจ็คต์ โดย หยิบเอาเรื่องราวความสัมพันธ์ที่แสนเปลี่ยวเหงาของชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางแสงสีและความสับสนวุ่นวายในเมืองใหญ่ที่แต่ละชีวิต ต่าง ดำเนินชีวิตของตนเองไปโดยหารู้ไม่ว่าวันหนึ่ง “แรงปรารถนา” จะย่นย่อระยะห่างแห่งสัมพันธภาพของหนุ่มช่างสักและพนักงานสาวนวดไทยแผนโบราณ ให้เขยิบเข้ามาชิดใกล้กว่าที่คาดคิดและเคยเป็น จากเพียงแค่ต่างฝ่ายต่างมีสายตาที่จดจ้องกัน? และไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวจะสื่อสารพูดคุยกัน

ในตอนนี้เป็นตอนที่ อุ้ม-ลักขณา แสดงคู่กับ บลูม-วรินทร ญารุจนนทน์ ซึ่งในพาร์ทนี้ การแสดงออกด้วยการสื่อสายตาของทั้งสองทำได้ดี เพราะเป็นลักษณะแบบกล้าๆ กลัวๆ มัวแต่จดๆจ้องๆ กันและกัน ทั้งๆที่ทั้งคู่ต่างคิดตรงกัน ด้วยความที่เนื้อหาของเรื่องส่งให้บทบาทของ อุ้ม ดูเป็นสาวเรียบร้อย เป็นสาวนวดแผนไทย ซึ่งเป็นสาวไทยแท้ที่รักนวลสงวนตัว จึงไม่กล้าที่จะเอ่ยปาก ถึงแม้ว่าใจอยากก็ตาม ทำให้ต้องแสดงออกด้วยการนวด และการสักใกล้กับจุดสวนของร่างกาย โดยมี บลูม ซึ่งในเรื่องรับบทเป็นหนุ่มช่างสัก ทำการสักให้

ซึ่งในการถ่ายทอดอารมณ์ ทำให้คนดูลุ้น เกร็ง ไปกับการกระทำของทั้งคู่ได้แบบ..แค่แมลงสาบผ่านคงได้ยินเสียง..เพราะทั้งโรงภาพยนตร์เงียบกริบ การนำเสนอภาพ การลำดับภาพในส่วนนี้ เน้นย้ำทีละส่วน เพื่อเป็นการสื่อสารอารมณ์กับคนดู ซึ่งในส่วนนี้ผู้กำกับหญิงคนนี้ทำได้ดี ถ่ายทอดมาในลักษณะที่ดูไม่อนาจาร แต่อาจจะมีผิดหลักสากลสำหรับการสักไปบ้าง แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่

โดยรวมของโปรเจ็คต์หนัง น้ำตาลแดง 1 การแสดงของนักแสดงทุกคน ทั้ง 3 เรื่อง ทำได้ดี มีความเป็นธรรมชาติ ไม่รวมถึงบทเกริ่นนำของโอเด็ต ที่ดูไม่มีเหตุผลเท่าที่ควร ในส่วนของบท และการดำเนินเรื่องราว ในแต่ละพาร์ท มีความเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของผู้กำกับแต่ละคน ซึ่งทำได้ดีในส่วนของคนดูหนัง คนที่คลุกคลีกับการทำหนัง และคนที่เข้าใจภาษาหนัง

แต่หนังโดยรวมดูยังไง ยังไง ก็คงยังไม่ใช่หนังที่เหมาะที่จะให้คนดูที่มีอายุต่ำกว่า 18 เข้าชม เพราะคนเหล่านั้นดูแล้วอาจจะยังไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะตัดสินว่าอะไรถูกหรือผิด และกำลังอยู่ในวัยอยากรู้ อยากลอง ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายกับตัวเองและคนอื่นได้

Comments

Popular posts from this blog

รีวิวหนัง Homestay

รีวิวหนัง : เพื่อนฉัน ฝันสลาย Sad Beauty

รีวิวหนัง : ป๊าด 888 แรงทะลุนรก